ห้องข่าว
พิมพ์
อีเมล์
NYT แจ้งผลการดำเนินงานปี 2560
บริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาในการเป็นผู้ให้บริการท่าเทียบเรือระดับโลกภายใต้การบริหารจัดการ การบริการและความปลอดภัยที่เป็นเลิศ และบริษัทฯ ยังให้ความสำคัญในเรื่องของการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยเชื่อมั่นว่าการกำกับดูแลกิจการที่ดีจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจ สามารถเพิ่มมูลค่า และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น นักลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายของบริษัทได้ในระยะยาว ซึ่งผลจากการส่งเสริมเรื่องการกำกับดูแลกิจการที่ดีอย่างจริงจังและต่อเนื่องส่งผลให้ตลอดปี 2560 บริษัทฯได้รับการยอมรับจากหน่วยงานกำกับดูแล ดังนี้
- หุ้นของบริษัทฯ ได้รับคัดเลือกให้อยู่ใน Thailand Sustainability Investment (THSI) หรือรายชื่อ "หุ้นยั่งยืน" ประจำปี 2560 โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ติดกันเป็นปีที่ 2
- บริษัทฯ ได้รับการประเมินรายงานการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนประจำปี 2560 อยู่ในระดับ 5 ดาว หรือ "ดีเลิศ" โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ติดกันเป็นปีที่ 2
- บริษัทฯ ได้รับคะแนนเต็มร้อยละ 100 จากการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560 ตามเกณฑ์การประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น (AGM Checklist) ของสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) ติดกันเป็นปีที่ 2
ในส่วนของผลการดำเนินงานในรอบปี 2560 นั้น บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการรวมจำนวน 1,373.25 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้วจำนวน 8.24 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.60 จากรายได้ในส่วนของการให้บริการคลังสินค้าที่ลดลงจำนวน 8.86 ล้านบาท จากการที่บริษัทได้ทำการบอกเลิกสัญญากับลูกค้าบางราย ส่วนรายได้จากส่วนของการให้บริการท่าเทียบเรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 0.6 ล้านบาท สำหรับในปีนี้มีปริมาณรถยนต์ผ่านท่า A5 จำนวนทั้งหมด 946,769 คัน โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,422.28 ล้านบาท
สำหรับกำไรสุทธิรวมของบริษัทฯ ในปีนี้มีจำนวนเท่ากับ 388.69 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 27.33 ซึ่งลดลงเพียงเล็กน้อยจากปีก่อน เนื่องจากมีทั้งปัจจัยบวกและลบที่ส่งผลกระทบกับผลกำไรของบริษัท โดยสาเหตุหลักสามารถสรุปได้ดังนี้
- รายได้จากการให้บริการคลังสินค้าลดลงตามที่กล่าวไปแล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทมีรายได้อื่นเพิ่มขึ้นจากการริบเงินประกันจากลูกหนี้รายดังกล่าว
- รายได้ดอกเบี้ยลดลง ตามอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่ลดลง
- ต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น จากอัตราค่าเช่าที่เพิ่มสูงขึ้นตามอัตราตลาดในปัจจุบัน
- ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับพนักงานที่เพิ่มขึ้น
- ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมลดลง เนื่องจากปี 2559 บริษัทร่วมมีผลขาดทุนจากการถูกประเมินภาษีโรงเรือน
- ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ลดลง เนื่องจากในปี 2559 บริษัทมีผลขาดทุนจากการล้างบัญชีสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชีในส่วนของผลขาดทุนสะสมยกมาของกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI)